จากงานวิจัยในประเทศไทย
พบว่าวันข้างหน้าอีกประมาณ ๔ ถึง ๕ ปี จะมีผู้ป่วนสูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อม ถึง ๙
ล้านคน เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ก็มาหาทางบำรุงสมองกันดีกว่า
เพื่อป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมก่อนเหตุอันควร
ซึ่งเมื่อเป็นแล้วจะเป็นภาระกับคนในครอบครัวอย่างมาก
ที่จะต้องมาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา
สาเหตุอาจเกิดมาจากเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง
เพราะกินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำติดต่อกันหลายปี น้ำมันจะเกราะผนังลำไส้
ทำให้ดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปเลี้ยงสมองไม่ได้
วิธีดูแลสมองเช่น เช่น
๑. ขับถ่ายระหว่างเวลา
๐๕.๐๐ - ๐๗.๐๐ น.
๒. กินอาหารเช้าระหว่างเวลา
๐๗.๐๐ - ๐๙.๐๐ น. เพื่อให้เลือดรับสารอาหารไปเลี้ยงสมอง และกินโยเกิร์ต – นมสด – น้ำผึ้ง – มะนาว ระหว่างเวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.
เพื่อเปลี่ยนขยะในลำไส้เล็กให้เป็นบี ๑๒ แล้วส่งไปบำรุงสมอง
๓. ล้างระบบดูดซึมด้วยสูตรมะละกอดิบต้มน้ำชงชา
๔. ใช้กระเจี๊ยบแดงแห้งหรือสด ต้มกับพุทราจีน
ใช้ดื่มน้ำเพื่อล้างหลอดเลือดเป็นประจำ
๕.
กินน้ำกระชาย แล้วกินน้ำใบบัวบกตาม จะส่งผลให้บำรุงสมองได้โดยตรงและผลไม้ชื่อลูกไข่เข่าเป็นผลไม้ที่บำรุงสมองได้ดีมาก
หรือขึ้นฉ่าย เม็ดบัว ลูกแปะก้วย
๖.
ออกลำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ก่อนที่จะกินอาหารอะไรเข้าไปบำรุง
ให้นึกถึงว่าลำไส้เราได้ล้างบ้างหรือยัง ถ้ายังไม่เคยล้าง
ควรใช้สูตรมะละกอดิบต้มน้ำ แล้วนำน้ำร้อนนั้นมาชงชาดื่มล้างลำไส้เป็นประจำ
วิธีกดนิ้วเพื่อให้เลือดเลี้ยงสมอง ป้องกันสมองเสื่อม
ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วกลาง ๑ ครั้ง
ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วนาง ๓ ครั้ง
ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วก้อย ๔ ครั้ง
แล้วทำกลับ โดยมากดที่นิ้วนาง ๓ ครั้ง
กดที่นิ้วกลาง ๓ ครั้ง
กดที่นิ้วกลาง ๓ ครั้ง
กดที่นิ้วชี้ ๒ ครั้ง
เป็นการจบเท่ากับ ๑ ชุด รวมเป็น ๑ ชุด เพื่อเริ่มชุดที่ ๒
ให้กดนิ้วกลาง ๑ ครั้ง ต่อไปเลย ทำอย่างนี้ให้ได้๕๐ ชุดต่อวัน
ความสัมพันธ์ของสมองกับปลายนิ้วมือ จะเกิดพลังงานครบวงจรของเขาเอง
เป็นการกระตุ้นให้หลั่งสารเอนโดรฟิน
ฝึกการหายใจเข้าอย่างช้าๆ ให้พุงป่องออก แล้วหายใจออกให้พุงยุบลง “หายใจลึกๆ” เป็นการไปกระตุ้นเซลล์สมอง
ที่คุมโปรแกรมความจำที่ดีงานในอดีตหรือปัจจุบัน
และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้ปอดกับสมอง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหายใจถี่ๆ ตื้นๆ เร็วๆ
จะเป็นการกระตุ้นเซลล์สมองกลุ่มที่บันทึกเรื่องไม่ดีเอาไว้ให้ออกมาใช้งาน
จึงควรฝึกหายใจช้าๆ เพื่อนกระตุ้นเซลล์สมองกลุ่มที่บันทึกเรื่องดีๆ ออกมาใช้งาน
เป็นวิธีป้องกันสมองเสื่อมได้อีกวิธีหนึ่ง
อ้างอิง
อ้างอิง